จิปาถะ

ประวัติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล


25 กันยายน 2566

เปิดประวัติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นายตำรวจคนดังในหลายคดี อย่างล่าสุดก็คดีสะเทือนขวัญ “กำนันนก” สั่งฆ่านายตำรวจ แต่รู้ไหมว่าเส้นทางการทำงานของบิ๊กโจ๊กไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องยืนหยัดต่อสู้กับอุปสรรคมากมายและเคยประสบอุบัติเหตุในชีวิตราชการ แต่ก็สามารถหวนคืนวงการสีกากีได้อย่างสมศักดิ์ศรีและเต็มภาคภูมิเหมือนในวันนี้ Sanook พาทุกคนไปทำความรู้จัก “บิ๊กโจ๊ก” นายตำรวจผู้โด่งดังคนนี้กัน

ประวัติ “บิ๊กโจ๊ก”.jpg

บิ๊กโจ๊ก คือใคร? 
บิ๊กโจ๊ก หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513 ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นลูกชายของนายตำรวจ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ และโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐประศาสตรบัณฑิต จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 47 และเป็นประธานรุ่นอีกด้วย 

บิ๊กโจ๊กเริ่มต้นเส้นทางการทำงาน ในตำแหน่งรองสารวัตร ปี พ.ศ.2537 โดยเป็นรองสารวัตรอยู่ 6 ปี 1 เดือน ก็ได้ขึ้นเป็นสารวัตร และทำหน้าที่ได้ 4 ปี 8 เดือน ก็ได้ขยับเป็นรองผู้กำดับการ ก่อนจะทำงานในตำแหน่งดังกล่าวอยู่ 4 ปี จึงได้ขยับเป็นผู้กำกับการ ติดยส พ.ต.อ. 

หลังได้ขึ้นเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และทำงานได้ประมาณ 4 ปี บิ๊กโจ๊กก็ได้ขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา และเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สงขลา ส่วนหน้า ดูแลพื้นที่ อ.จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงภัยความไม่สงบของชายแดนใต้ จนได้รับการนับอายุราชการทวีคูณ และทำให้บิ๊กโจ๊กได้ขึ้นเป็นผู้บังคับการ ติดยศ พล.ต.ต. ด้วยวัยไม่ถึง 45 ปี 

คนสนิทบิ๊กป้อม
ในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็น ผบ.ตร. บิ๊กโจ๊กได้ขึ้นเป็นผู้บังคับการ ประจำสำนักผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยทำหน้าที่ประสานนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำงานประสานใกล้ชิดกับ บิ๊กป้อม - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และหลังจากนั้นไม่นาน บิ๊กโจ๊กก็ได้ขยับตำแหน่งเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ปี พ.ศ.2558)

ต่อมา บิ๊กโจ๊กได้ขยับเป็นผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในปี พ.ศ.2561 ซึ่งถือเป็นผู้บัญชาการอายุน้อยที่สุดในวงการสีกากี ติดยศ พล.ต.ท. ด้วยวัยเพียง 48 ปี 

นอกจากนั้น บิ๊กโจ๊กยังเป็นคณะทำงานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และอำนาจจับกุมทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีการแถลงจับกุมในคดีของบิ๊กโจ๊กมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และทำให้บิ๊กโจ๊กกลายเป็นตำรวจเนื้อหอมและถูกกล่าวถึงมากที่สุด

เส้นทางการทำงานสะดุด
เส้นทางการทำงานบนถนนสีกากีของบิ๊กโจ๊กต้องสะดุดลง เมื่อได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยสาเหตุของการโยกย้ายฟ้าผ่าในครั้งนี้ และไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดแต่อย่างใด

จนวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีคำสั่งให้บิ๊กโจ๊กขาดจากตำแหน่ง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษาพิเศษ” ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น บิ๊กโจ๊กก็ไม่ปรากฏในหน้าข่าวอีกเลย 

ต่อมาในปี พ.ศ.2563 บิ๊กโจ๊กได้ลาอุปสมบท เพื่อทดแทนบุญคุณบิดา-มารดา ที่ประเทศอินเดีย ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ในตำแหน่ง “ที่ปรึกษาพิเศษ” โดยรับผิดชอบข้อเสนอแนะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการร้องทุกข์จากประชาชน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ.2563 บิ๊กโจ๊กได้ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ ต่อศาลปกครอง กรณีออกคำสั่งโยกย้ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ถูกศาลตีตกไป 

กระทั่งปี พ.ศ. 2564 บิ๊กโจ๊กได้กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง และได้คัมแบ็กกลับเข้ารับราชการตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับผลงานจับกุมหลายคดีใหญ่ที่เป็นที่สนใจของประชาชนทั่วประเทศ


ที่มา : https://www.sanook.com/news/9016150/